ลุค ชอว์ มีชื่อเต็มว่า ลุค พอล ฮอร์ ชอว์ เกิดเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 1995 ที่เมืองคิงส์ตันอะพอนเทมส์ ประเทศอังกฤษ ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งแบ็กซ้ายให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในวัยเด็กของเขาเหมือนเช่นเด็กผู้ชายคนอื่นๆ ในอังกฤษ ที่มีความชื่นชอบกีฬาฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ โดย ชอว์ มีเชลซี เป็นทีมในดวงใจ และกลายเป็นแรงบันดาลใจในความใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพ โดยในช่วงแรกนั้น ชอว์ เคยเข้าไปเป็นเด็กฝึกหัดของอคาเดมี่ของสโมสรเชลซี แต่เขาก็ไม่ได้รับการคัดเลือกเซ็นสัญญาเข้าร่วมในทีมเยาวชนของเชลซี แม้ว่าในตอนนั้นเขาจะมีความผิดหวังอยู่บ้าง แต่ชอว์ ก็ไม่ทิ้งความฝันที่อยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพของเขาไป เขายังคงมุ่งมั่นตั้งใจในการฝึกซ้อมต่อไป
จนในปี 2003 เมื่อเขามีอายุได้ 8 ขวบ เขาก็ได้รับการทาบทามจาก เซาแธมป์ตัน ให้เข้าไปเล่นในทีมเยาวชนของสโมสร ซึ่งทำให้ ชอว์ มีโอกาสได้ฝึกทักษะและพัฒนาฝีเท้าของตัวเองเพิ่มมากขึ้น บวกกับความมุ่งมั่นตั้งใจของเขา ทำให้ ชอว์ กลายเป็นนักเตะที่มีความโดดเด่นกว่าเพื่อนในวัยเดียวกัน และเขาก็ได้รับโอกาสให้ขึ้นมาเล่นในทีมเยาวชนอายุไม่เกิน 18 ปีของสโมสรตั้งแต่ในตอนที่เขามีอายุเพียงแค่ 15 ปี และในเวลานั้น จากผลงานที่ ชอว์ ได้แสดงออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมกับทีมเยาวชนของเซาแธมป์ตัน ทำให้เขากลายเป็นที่จับตามองของบรรดาแมวมองของทีมฟุตบอลชื่อดังในยุโรปมากมาย เช่น เชลซี,อาร์เซนอล และแมนเชสเตอร์ ซิตี้
ในปี 2012 ชอว์ ในวัย 16 ปี ก็ได้ก้าวขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ของเซาแธมป์ตัน โดยในเกมนัดแรกเป็นเกมที่พบกับ มิลล์วอลล์ ในศึกเอฟเอคัพ โดยในเกมนั้นเขาลงเล่นเป็นตัวสำรองในช่วงท้ายของครึ่งหลัง โดยในฤดูกาลนั้น เซาแธมป์ตัน ได้เลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นในพรีเมียร์ลีก ซึ่งทำให้ ทางเซาแธมป์ตัน ได้ทำการเซ็นสัญญากับ 4 ดาวรุ่งของทีม ซึ่งก็คือ คัลลัม แชมเบอร์ส,เจมส์ วอร์ด พราวส์ ,แจ็ค สตีเฟนส์ และรวมถึง ลุค ชอว์ด้วย
ในเดือนพฤศจิกายน 2012 เขาได้รับโอกาสในการลงสนามเป็นตัวจริงเป็นนัดแรกในเกมพรีเมียร์ลีก โดยในเกมนี้เขากลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดของเซาแธมป์ตันที่ได้ลงสนามเป็นตัวจริงในศึกพรีเมียร์ลีก ด้วยในขณะนั้นเขามีอายุเพียง 17 ปีเท่านั้น และหลังจากนั้นเขาก็ได้รับโอกาสในการลงสนามในรายการต่างๆ อยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในฤดูกาล 2012-2013 เขามีโอกาสลงเล่นในเกมพรีเมียร์ลีกทั้งหมด 25 เกม
ในฤดูกาล 2013-2012 ชอว์ สร้างผลงานที่โดดเด่นเพิ่มมากขึ้น ด้วยการมีชื่ออยู่ในทีมยอดเยี่ยมของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ และได้รับคำชื่นชมจากบรรดาสื่อและกูรู ที่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เขาเป็นผู้เล่นในตำแหน่งแบ็กซ้ายที่มีความแข็งแกร่ง และมากไปด้วยเทคนิค มีความโดดเด่นในการเติมเกมรุกได้อย่างดุดัน และจบฤดูกาลนั้น ชอว์ ในวัย 18 ปี มีโอกาสลงสนามในเกมพรีเมียร์ลีกถึง 35 นัด
และยิ่งนับวัน ชอว์ ก็สามารถสร้างผลงานอันยอดเยี่ยมได้มากขึ้นเรื่อยๆ เขาเป็นนักเตะดาวรุ่งที่ได้รับความสนใจจากทีมดังอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ,อาร์เซนอล ,เชลซี และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ต่างก็พร้อมใจที่จะยื่นข้อเสนอเพื่อให้ได้ตัวเขาเข้ามาร่วมทีม แต่ในที่สุด ก็เป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สามารถบรรลุข้อตกลงและสามารถคว้าตัวนักเตะดาวรุ่งวัย 19 ปีไปร่วมทีมได้สำเร็จ ในปี 2014 ด้วยค่าตัว 30 ล้านปอนด์ และเขากลายเป็นนักเตะที่มีอายุไม่ถึง 20 ปี ที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลกในเวลานั้น
ในฤดูกาล 2014-2015 ซึ่งเป็นฤดูกาลแรกในการค้าแข้งกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในยุคของ หลุยส์ ฟาล กัล ชอว์ เริ่มด้วยการปรับตัวให้เข้ากับรูปแบบการเล่นของต้นสังกัดใหม่ และเขาก็สามารถทำมันได้ดีขึ้นเรื่อยๆ จนในฤดูกาลนี้ ชอว์ ลงเล่นให้กับทีมไปทั้งสิ้น 20 นัดในทุกรายการ แต่ในช่วงที่ ฟาล กัล คุมทีมนั้นเขามันจะเปลี่ยนระบบการเล่นอยู่บ่อยครั้งจนทำให้ นักเตะภายในทีมไม่มีที่ยืนในระยะยาว จนกลายเป็นนักเตะระดับแนวหน้าเหล่าไม่สามารถโชว์ฟอร์มเก่งของตัวเองได้ เช่นเดียวกับ ชอว์ ที่เริ่มมีปัญหากับระบบการเล่นของ ฟาล กัล จนกลายเป็นความไม่พอใจให้กับกุนซือของเขา ที่บอกว่าชอว์ฟิตน้อยเกินไป มีความเข้าใจในเกมน้อย และสุดท้ายก็กลายเป็นไม่เลือกใช้ชอว์ในที่สุด
ในฤดูกาล 2015-2016 ชอว์ ตั้งใจมุ่งมั่นและทุ่มเทในงานของเขาเป็นอย่างมาก จนในที่สุดเขาก็ได้ขึ้นมาเล่นเป็นตัวจริงในตำแหน่งแบ็กซ้ายให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้สำเร็จ ซึ่งในเวลานั้นเขากำลังสร้างผลงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ต้องประสบกับความโชคร้าย เมื่อเขาได้รับบาดเจ็บในเกมที่พบกับ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่ในระหว่างเกมเขาโดน เอคตอร์ โมเรโน่ กองหลังของทีม พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น เข้าสกัดบอลอย่างรุนแรงจนขาหัก และจากอาการบาดเจ็บของเขา ทำให้ ชอว์ ต้องพักรักษาตัวนานเกือบ 1 ปี
ในฤดูกาล 2016-2017 ชอว์ กลับมาลงสนามได้อีกครั้ง แต่เขาก็ยังไม่สามารถเรียกฟอร์มกลับมาได้ และยังเจอปัญหาบาดเจ็บมารบกวนอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ในฤดูกาลนั้นเขาได้ลงสนามเป็นตัวจริงในเกมพรีเมียร์ลีกเพียงแค่ 9 นัดเท่านั้น และในฤดูกาลต่อมาในฤดูกาล 2017-2018 ในยุคของการคุมทีมของโชเซ่ มูรินโญ่ ชอว์ ประสบปัญหาหนัก เมื่อเริ่มมีทัศนคติที่ไม่ตรงกันกับมูรินโญ่ และรวมถึงฟอร์มการเล่นของเขาที่ทำพลาดอยู่บ่อยครั้ง ทำให้เขามันจะโดนนายใหญ่ของเขาวิจารณ์ผ่านสื่ออยู่บ่อยครั้ง และมันทำให้มีผลต่อสภาพจิตใจเขาอย่างแน่นอน ทำให้เขามีโอกาสลงสนามเป็นตัวจริงเพียงแค่ 8 นัดเท่านั้น
ในฤดูกาล 2018-2019 ชอว์ กลับมาลงสนามในสภาพที่สมบูรณ์เต็มร้อยอีกครั้ง เขากลับมาทวงตำแหน่งแบ็กซ้ายตัวจริงได้อีกครั้ง และหลังจากการเข้ามาคุมทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เขากลายมาเป็นผู้เล่นตัวหลักของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และยังไม่มีอาการบาดเจ็บมารบกวนอีกด้วย และในฤดูกาลนี้เขายังได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จากการโหวตจากเพื่อนร่วมทีมและแฟนบอลอีกด้วย โดยจบฤดูกาล เขาลงสนามไปทั้งสิ้น 40 นัดในทุกรายการ
ในฤดูกาล 2019-2020 ชอว์กลายมาเป็นผู้เล่นคนสำคัญในทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และกลายเป็นหนึ่งในนักเตะคู่ใจของนายใหญ่ของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา
ในฤดูกาล 2020-2021 เรียกได้ว่าเป็นยุคทองของเขาเลยก็ว่าได้ ชอว์ สามารถสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เขามีความมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ และพร้อมรับฟังข้อผิดพลาดของตัวเองแล้วนำกลับไปแก้ไข
ในฤดูกาล 2021-2022 ชอว์ ที่เคยได้รับประสบการณ์มาในทุกรูปแบบ สามารถรับมือกับปัญหาที่ทางแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกำลังประสบปัญหาอยู่ในขณะนี้ได้เป็นอย่างดี เขารู้ว่าในเวลาไหนที่เขาควรจะทำอย่างไร
สำหรับผลงานในทีมชาติ เขาเริ่มรับใช้ทีมชาติอังกฤษครั้งแรก ในปี 2011 ในรุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี และไต่ระดับขึ้นมาเรื่อยๆ จนมีชื่ออยู่ในทีมชาติชุดใหญ่ในปี 2014 โดยนัดแรกที่เขาลงสนามในนามทีมชาติคือในเกมนัดอุ่นเครื่องที่ชนะ ทีมชาติเดนมาร์ก 1-0 และเขาก็เป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดในการเล่นในศึกฟุตบอลโลก 2014 ในวัย 18 ปีอีกด้วย และเมื่อเขาได้รับบาดเจ็บ ทำให้เขาหลุดจากการติดทีมชาติอังกฤษไปถึง 2 ปีเลยทีเดียว